ในยุคดิจิทัลที่อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) อย่างสมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์มีราคาถูกลงกว่าช่วง 50 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถครอบครองและเข้าถึงการใช้งานได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้กระแสข้อมูลมหาศาลเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาบนโลกอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Big Data ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน โดยเฉพาะในการทำธุรกิจ ในบทความนี้ GWS CLOUD จะพาไปรู้จักกับความหมายและประโยชน์ของ Big Data ที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในยุคปัจจุบันให้ทะยานไปสู่เป้าหมาย
Big Data คืออะไร?
Big Data คือ ข้อมูลปริมาณมหาศาลในรูปแบบต่างๆ ที่ถูกจัดเก็บไว้ใน Data Storage ที่มีพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่ โดยคุณลักษณะของ Big Data สามารถอธิบายได้ด้วยหลัก “5Vs + 1C” ดังนี้
1.ข้อมูลที่มีปริมาณมาก (Volume)
ข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ใช้พื้นที่จัดเก็บมากกว่าหน่วย TB (Terabyte) ขึ้นไป ทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน (Structured Data) ข้อมูลกึ่งมีโครงสร้าง (Semi-Structured Data) และข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data)
2.ข้อมูลมีความหลากหลาย (Variety)
ข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาจากหลากหลายแหล่ง ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ เว็บไซต์ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ศูนย์คอลเซ็นเตอร์และแหล่ง Open Data Source ต่างๆ
3.ข้อมูลที่มีการประมวลผลอย่างรวดเร็ว (Velocity)
ลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของ Big Data คือ ความเร็วในการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบและประมวลผล ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยความเร็วนี้มีทั้งแบบ Near Real-Time และแบบ Real-Time
4.ข้อมูลที่มีมูลค่า (Value)
ในตลาดข้อมูล Big Data ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ารูปแบบหนึ่ง ซึ่งมูลค่าของ Big Data จะขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูล วิธีการรวบรวมข้อมูล รูปแบบการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เครื่องมือที่ใช้ประมวลผล ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยเครื่องมือ AI หรือ Machine Learning เช่น ข้อมูลพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ความสนใจของลูกค้า หรือแนวโน้มของตลาด เป็นต้น
5.คุณภาพของข้อมูล (Veracity)
Big Data คือ ชุดข้อมูลที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ เนื่องจากมีการควบคุมคุณภาพ ความถูกต้อง ความสมบูรณ์และความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนในกระบวนการวิเคราะห์รูปแบบต่างๆ
6.ความซับซ้อนของข้อมูล (Complexity)
ตัว C ย่อมาจาก Complexity หรือความซับซ้อนของข้อมูล ซึ่งเป็นความท้าทายของ Big Data เพราะข้อมูลใน Big Data มาจากหลากหลายแหล่งที่มา มีโครงสร้างและคุณภาพต่างกัน ดังนั้นจึงต้องอาศัยเครื่องมือจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อครอบคลุมการทำงานตั้งแต่กระบวนการเชื่อมโยง ควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างระบบ
Big Data มีประโยชน์อย่างไร?
หลายธุรกิจในปัจจุบันมีการจัดทำ Big Data เป็นของตนเอง เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมาย อาทิ Netflix, Google และ Amazon เป็นต้น โดย Big Data สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ดังนี้
1.สร้างธุรกิจใหม่จาก Insight ผู้บริโภค
ธุรกิจที่มีการเก็บข้อมูล Big Data เกี่ยวกับผู้บริโภค สามารถนำชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเดิมได้ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถวางแผนธุรกิจใหม่ ซึ่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่ Big Data มอบให้ส่งผลเป็นอย่างมากต่อการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ด้วยชุดข้อมูล ทำให้สามารถมองเห็น Pain Point ของธุรกิจที่กำลังเริ่มต้น และช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
2.วิเคราะห์ความต้องการของการตลาดในอนาคต
สามารถนำข้อมูลที่ถูกค้นหาทางอินเทอร์เน็ตรวมถึงบน Social Media ที่ได้รับความนิยมหรือกระแสในเวลานั้นๆ มาวิเคราะห์เพื่อวางแผนทำการตลาดในอนาคต หากสามารถวิเคราะห์และวางแผนออกมาได้อย่างรวดเร็ว การจะเป็นผู้นำในกระแสก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
3.คาดการณ์ปัญหาและความเสี่ยงในอนาคต
จากการนำข้อมูลของ Big Data มาคาดการณ์ความต้องการของตลาดและวางแผนการตลาดในอนาคตแล้ว ยังสามารถนำข้อมูลทั้ง 2 อย่าง ไปต่อยอดได้อีกว่า ในอนาคตจะมีเหตุการณ์หรือความเสี่ยงใดเกิดขึ้นได้บ้าง สามารถนำข้อมูลส่วนนี้ไปปรับวิธีดำเนินการเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4.ลดค่าใช้จ่าย
เมื่อนำ Big Data มาใช้จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ห่วงโซ่อุปทาน โลจิสติกส์และการผลิต ทำให้องค์กรหรือธุรกิจพบปัญหารวดเร็วและปรับปรุงให้ดีขึ้น ท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่การตัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นออกและกลายเป็นการลดต้นทุนไปในที่สุด
5.พัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่
สามารถช่วยให้องค์กรมีโอกาสพัฒนาสินค้าหรือนวัตกรรมใหม่ๆ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานลูกค้าเก่า และแนวโน้มของการตลาดที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพื่อให้ได้นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ในยุคที่ Data สำคัญไม่แพ้ทองคำ และยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามารถคาดการณ์ทิศทางได้จากข้อมูลที่คุณมีอยู่ Big Data นั้นเปรียบเสมือนการลงทุนในระยะยาว ที่คุณอาจยังไม่ได้ประโยชน์จากมันในช่วงแรก แต่ในอนาคตข้อมูลมหาศาลเหล่านั้นจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ
Cloud และ Big Data เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
การจัดเก็บข้อมูลมหาศาลระดับ Big Data หากต้องการจัดเก็บไว้เอง จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้อมูล (Storage) เช่น เซิร์ฟเวอร์ เป็นต้น ซึ่งมีราคาสูงมากและยากต่อการดูแลรักษา ดังนั้นเพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอต่อการจัดเก็บข้อมูลมหาศาล ในราคาที่คุ้มค่าและมีความปลอดภัย การจัดเก็บหรือสำรองข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Backup) เป็นสิ่งที่ทุกคนจะนึกถึงเป็นอย่างแรก อีกทั้งยังสามารถเรียกใช้ข้อมูลจากที่ไหนก็ได้เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น และหากเรามีผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่ไว้ใจได้ในการจัดเก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ ของบริษัท ปัญหาในการค้นหาพื้นที่จัดเก็บข้อมูล Big Data ก็จะหมดไป
แน่นอนว่าในปัจจุบัน มี Cloud Storage Provider ยักษ์ใหญ่อย่าง Google Drive, Dropbox และ OneDrive เป็นต้น ที่เป็นที่รู้จักและนิยมใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมากขึ้น ทำให้ค่าพื้นที่จัดเก็บสูงขึ้นเช่นกัน จึงอาจไม่เหมาะสมกับธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ที่กำลังขยายตัวและต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมากในแต่ละวัน
ดังนั้น เราขอแนะนำบริการคลาวด์จัดเก็บข้อมูลด้วย S3 Storage จาก GWS CLOUD
บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ Simple Storage Service (S3) หรือที่เรียกว่า Object Storage เป็นระบบการจัดการและควบคุมข้อมูลในรูปแบบของ Object ที่แตกต่างกัน สามารถจัดเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก ทำให้เหมาะสำหรับการสำรองและกู้คืนข้อมูลในองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีความต้องการด้านความปลอดภัยสูง ระบบจัดเก็บข้อมูล GWS S3 ช่วยแก้ไขข้อจำกัดของระบบ Block Storage และ File Storage แบบเดิม ในขณะเดียวกันก็ยังคงข้อดีของทั้งสองระบบไว้ด้วยกัน นับเป็นบริการที่รวดเร็วและสะดวกสำหรับการอ่าน เขียน และแบ่งปันข้อมูล
พื้นที่จัดเก็บประเภท Object จะไม่มีการฝังไฟล์ไว้ในโฟลเดอร์ใดๆ แต่จะประกอบข้อมูล Data Fragments ให้เป็นไฟล์เดียว โดยเพิ่ม Metadata ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทั้งหมดลงในไฟล์ และกำจัดโครงสร้างไฟล์แบบลำดับชั้นที่ใช้ในการจัดเก็บไฟล์ แล้วแทนที่ด้วยข้อมูลทั้งหมดแบบ Flat Address ลงบนพื้นที่ ที่เรียกว่า Storage Resource Pool และแนบตัวระบุที่กำหนดเอง ซึ่งข้อมูล Metadata มีความสำคัญต่อการจัดเก็บข้อมูลแบบ Object Storage เนื่องจากสามารถระบุการใช้งานข้อมูลภายใน Storage Resource Pool ช่วยให้สามารถเข้าถึงบริการ AI และทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data
ทั้งนี้ พื้นที่เก็บข้อมูล GWS S3 ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บและเรียกข้อมูลจากทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล GWS S3 ยังรองรับการรวมระบบ (Integration) ได้หลากหลาย ไปจนถึงการทำ Virtualization เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีระบบสำรองข้อมูล NAS องค์กรสามารถทำงานร่วมกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูล S3 ได้โดยตรง ผ่านเครื่องมือสำรองข้อมูลในตัว หรือถ้าหากใช้บริการสำรองข้อมูลของ Veeam ก็สามารถใช้เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ภายนอกสำหรับการสำรองข้อมูลแบบ Off-Site ได้
ผู้ใช้งานสามารถจัดการไฟล์ต่างๆ บน GWS S3 ผ่านโปรแกรม Third-Party อย่าง Restful API หรือใช้เครื่องมืออื่นๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่หลากหลายขององค์กร อีกทั้งยังสามารถขยายทรัพยากรการประมวลผลผ่านเครือข่ายคลาวด์ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าถึงและสร้าง Network Infrastructure ขององค์ บริการ GWS CLOUD ของเรา
8 ข้อดีของ GWS S3 Storage
1. รองรับไฟล์ได้ทุกประเภทและทุกขนาด
2. มีพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์แบบไม่จำกัด
3. มีคุณลักษณะการสเกลระบบเป็นแนวนอน (Horizontal Scalability) ช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูล เพราะเพิ่มทรัพยากรได้ตามความต้อง จ่ายตามการใช้งานจริง ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนด้านการจัดการระบบได้อีกด้วย
4. มีโครงสร้างการจัดหมวดหมู่โดยไม่มีการจัดลำดับของโฟลเดอร์ ทำให้สามารถเรียกดูข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
5. การเก็บข้อมูลแบบไฟล์และบล็อกจะจัดเก็บเป็นข้อมูลถาวรแบบมีเลเยอร์ ทำให้มีข้อจำกัดในการดึงข้อมูลออกมาใช้งาน ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลแบบ Object Storage สามารถปรับแต่ง Metadata เองได้ทั้งหมด จึงมีความยืดยุ่นในการจัดการข้อมูลมากกว่า
6. ข้อมูลแต่ละส่วนผ่านการจัดหมวดหมู่ในระดับ Metadata ทำให้เหมาะสำหรับการวิเคราะห์มากขึ้น
7. มีการสำรองข้อมูลด้วยระบบ Veeam และ NAS ทำให้สามารถมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล
8. สามารถใช้งานข้อมูลบนคลาวด์ผ่านเครื่องมือ Third-Party อย่าง Restful API ได้อีกด้วย
บริการ Cloud Service จาก GWS CLOUD
GWS CLOUD เป็นผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง และ Cloud Service อย่างมีเสถียรภาพของไต้หวันสร้างขึ้นโดย eASPNet ศูนย์ข้อมูลที่มีชื่อเสียงภายในประเทศ มีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สเปคสูง มีประสบการณ์ในด้านการสร้าง Cloud Platform ที่เหมาะกับบริการต่างๆ มากกว่า 23 ปี และมีมากกว่า 1,800 โครงการ พร้อมตอบโจทย์ธุรกิจและองค์กรได้อย่างหลากหลาย
GWS CLOUD ได้เปิดตัวบริการ All in One โดยมุ่งเป้าไปที่การให้บริการในระดับเดียวกับคลาวด์ยักษ์ใหญ่ของ VMware โดยใช้ต้นทุนเพียง 1 ส่วน 4 เท่านั้นทีมเทคนิคของเรายังได้รับการรับรองระดับมืออาชีพ โดยเพิ่มประสบการณ์ที่มีค่าในการดูแลศูนย์ข้อมูลและบริการ IDC เช่น โฮสติ้งและโคโลเคชัน และการบริการอย่างมีคุณภาพและมั่นคงเสมอมา
GWS CLOUD มีคลาวด์ให้เลือกสามประเภท ได้แก่ Public Cloud, Private Cloud และ Hybrid Cloud เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กร ตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ไปจนถึงองค์กรขนาดเล็ก บริการ GWS CLOUD ประกอบด้วย IaaS (VM), Disaster Recovery (DR), Cloud Backup การสำรองข้อมูลบนคลาวด์, พื้นที่เก็บข้อมูล S3, SD-WAN, AI SaaS, Bare Metal (ABMS), GWStack HCI, GWStack PKS เป็นต้น
GWS CLOUD มีบริการที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้า พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร ในราคาที่จับต้องได้ และไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง มีตัวเลือกการชำระเงินทั้งแบบรายเดือนและรายปี ช่วยให้องค์กรบริหารจัดการงบประมาณได้ง่าย ขณะเดียวกัน ยังมีบริการที่ตอบโจทย์ธุรกิจสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี รวมถึงองค์กรที่ไม่เคยใช้บริการคลาวด์มาก่อน แต่มีความต้องการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ดิจิทัล
นอกจากนี้ เรายังให้บริการติดตาม ควบคุม และสนับสนุนด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยวางแผนและปรับปรุงธุรกิจและองค์กรในยุคดิจิทัล ในแง่ของความปลอดภัย GWS CLOUD ใช้มาตรการและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เช่น การเข้ารหัส ไฟร์วอลล์ และการควบคุมการเข้าถึง และดำเนินการตรวจสอบและติดตามความปลอดภัยเป็นประจำ
สนใจใช้บริการ Cloud ของ GWS CLOUD สามารถติดต่อได้ที่
Phone: +66 2 016 6586
LINE: @gwscloud
Email: support@gwscloud.com
Facebook: https://www.facebook.com/GWSCLOUD